การออกกำลังกายในวัยทำงาน
สภาพร่างกายของคนวัยทำงานต้องรับภาระหนักทั้งการทำงานภายในบ้านและภายนอก บ้าน ประกอบกับอายุที่เพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมลง คนที่ขาดการเคลื่อนไหวร่างกายหรือการออกกำลังกาย จึงมีอัตราการตายก่อนวัยอันสมควรสูงกว่าคนที่ไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว และจากการศึกษาวิจัย พบว่า กลุ่มคนที่ทำงานนั่งโต๊ะในสำนักงานที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยมาก เป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคและเสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ มากกว่าคนที่ทำงานใช้แรงงาน
นอกจากนี้อาการที่มักเกิดขึ้นกับคนที่ทำงานนั่งโต๊ะในสำนักงานหรือนั่งทำงาน หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันได้แก่ ปวดหลัง อ่อนล้า เหนื่อยง่าย สาเหตุของอาการเหล่านี้เกิดมาจากกิจวัตรประจำวันที่เคลื่อนไหวร่างกายน้อย การทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงงานมาก รวมทั้งการนั่งทำงานอยู่กับที่นานเกินไป ดังนั้นจึงไม่ควรนั่งทำงานในท่าหนึ่งท่าใดนาน ๆ และควรหากิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ การออกไปเดินผ่อนคลาย การใช้จักรยาน หรือเดินแทนการใช้รถยนต์ หรือการยืดเหยียดร่างกายด้วยการยกน้ำหนักสิ่งของ เช่น ขวดน้ำ 1 ลิตรประมาณ 8 - 10 ครั้ง เป็นจำนวน 2 รอบ เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้เป็นการออกกำลังกายประเภทเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งเป็นกายบริหารแบบเบาๆ สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยและกล้ามเนื้อตึงตัวได้ในเบื้องต้น แต่เพื่อสุขภาพที่ดีควรออกกำลังกายแบบแอโรบิคและการออกกำลังที่ใช้แรงอย่าง ต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 วัน ๆ ละอย่างน้อย 30 นาที เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของระบบไหลเวียน รวมถึงเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยเลือกออกกำลังกายที่ตนเองชอบ และเหมาะสมกับร่างกาย หรือเคลื่อนไหวออกแรงในชีวิตประจำวัน เช่น ทำงานบ้าน โดยให้มีการเคลื่อนไหวสะสมการออกแรงอย่างน้อย 30 นาทีต่อหนึ่งวัน ซึ่งการออกกำลังกายวันละอย่างน้อย 30 นาที มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นการอบอุ่นร่างกาย คือ เริ่มต้นด้วยการบริหารร่างกายเป็นเวลา 5 นาที
ขั้นที่ 2 ขั้นออกกำลังกาย คือ ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ตนเองชอบและเหมาะสมกับร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลา 15-20 นาที
ขั้นที่ 3 ขั้นการผ่อนคลาย คือ จบการออกกำลังกายด้วยการวิ่งอยู่กับที่ช้าๆ หรือเดินช้าๆ หรือกิจกรรมอบอุ่นร่างกาย
ความจริงของการออกกำลังกายในวัยทำงาน
ทัศนคติของคนในวัยทำงานที่มีต่อการออกกำลังกาย คือ “ไม่ค่อยมีเวลา งานกองพะเนิน จะเอาเวลาที่ไหนมาออกกำลังกาย” คำตอบเหล่านี้มักเป็นคำตอบที่ได้จากกลุ่มคนที่ขยันทำงานทั้งหลาย หรือกลุ่มคนที่ไม่ชอบการออกกำลังกาย ซึ่งท่านทั้งหลายที่ปฏิเสธการออกกำลังกายเหล่านี้ หารู้ไม่ว่าสภาพร่างกายของท่านกำลังเสี่ยงต่อความทรุดโทรมและโรคภัยเบียด เบียนที่มาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น โภชนาการที่ไม่เหมาะสม สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ฯลฯ
ในความจริง วัตถุประสงค์ของการออกกำลังกายในคนวัยทำงาน คือ มุ่งหวังให้ร่างกายแข็งแรงป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ มีควากระฉับ กระเฉงพร้อมที่จะปฏิบัติงาน และเนื่องจากในวัยนี้เป็นวัยที่มีภาระความรับผิดชอบหลายด้าน จึงเป็นเหตุให้ได้รับผลดีจากการออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นการเลือกประเภทของกีฬาให้เหมาะสมกับเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะคนในวัยนี้จำเป็นต้องใช้วิธีการออกกำลังกายแบบสะสมต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้เกิด การเผาผลาญพลังงานที่เหมาะสมตลอดเวลาในการออกกำลังกาย ซึ่งมีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคนในวัยนี้มากมาย เช่น เต้นแอโรบิค วิ่งจ๊อกกิ้ง เดินเร็ว ว่ายน้ำ ทั้งนี้การออกกำลังกาย หรือการเล่นกีฬาแต่ละประเภท มีอัตราการใช้พลังงาน หรือ การเผาผลาญแคลอรี่แตกต่างกัน ดังแสดงในตาราง
ตาราง 1 แสดงค่าเฉลี่ยการเผาผลาญแคลอรี่ในการออกกำลังกายประเภทต่างๆ 1 ชั่วโมงต่อ 1 คน
ทั้งนี้ข้อควรระวังของการออกกำลังกายของคนในวัยนี้ คือ 1) ควรทำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ วันละอย่างน้อย 30 นาที 2) ทุกๆ วัน แม้ไม่ได้ออกกำลังกาย ควรมีการยืดหรือเหยียดกล้ามเนื้ออย่างน้อย 10-15 นาที 3) การออกกำลังกายไม่ควรหักโหมเกินไป 4) ภายหลังการออกกำลังกาย ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และ
ตาราง 2 แสดงอัตราการเต้นของหัวใจเมื่อออกกำลังกาย
(ที่มา: National Institution of Health-America)
จากตาราง 2 เห็นได้ว่า ในช่วงอายุที่แตกต่างกัน จะมีอัตราการเต้นของหัวใจเมื่อออกกำลังกายที่แตกต่างกัน ดังนั้นการออกกำลังกายที่ดีจึงควรคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย เพื่อผลดีของสุขภาพ และจากการศึกษาพบว่า มีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้เสนอรูปแบบการออกกำลังกายสำหรับคนกลุ่มในวัยทำ งานที่มีเวลาไม่มาก นั่นคือกายบริหารที่ให้ประโยชน์ในหลายด้านไปพร้อม ๆ กัน ทั้งการเพิ่มการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงให้กับร่างกาย และมีอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมเมื่อออกกำลังกาย รูปแบบกายบริหารดังกล่าว เช่น โยคะ รำมวยจีน รำไม้พลอง ฝึกพลังลมปราณ ทั้งนี้ข้อพึงระวังสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมาก่อนคือ ควรอบอุ่นร่างกายด้วยกายบริหารแบบเบาก่อน และจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย โดยทำอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์แรกซึ่งอาจใช้เวลาเพียงประมาณ 5 นาที แล้วค่อยเพิ่มเป็น 10, 20 และ 30 นาทีในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป
บทสรุป
การออกกำลังกายในวัยทำงานเพื่อสุขภาพที่เหมาะสม มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการป้องกันและรักษาโรคบางชนิด เช่นโรคหัวใจและหลอดเลือด การออกกำลังกายควรเริ่มต้นจากเบาระยะเวลาสั้นและค่อยๆเพิ่มขึ้นจนเต็มที่ ขึ้นอยู่กับสภาพโครงสร้างของร่างกาย อายุ และเพศ ตลอดจนมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง ซึ่งถ้าคนในวัยทำงานสามารถออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เพิ่ม ขีดความสามารถในการปฏิบัติงานให้มากขึ้น
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. ปัญญฎา ประดิษฐบาทุกา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น